ชีวิต ช่วงแรก
สุวนันท์ คงยิ่ง เกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2521 ที่ โรงพยาบาลศิริราช เป็นบุตรของนายอำนวย และนางอุบลรัตน์ คงยิ่ง มีน้องชาย 1 คน จบการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนทรงวิทย์ศึกษา ระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และได้รับปริญญานิเทศศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณา มหาวิทยาลัยรังสิต[1]ผล งานเด่น
เนื่องจากผลงานของเธอมักจะได้รับการตอบรับที่ดีอยู่เสมอ จนมีการตั้งฉายาว่า "นางเอกหมายเลข 1" ของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 สุวนันท์เริ่มต้นอาชีพนักแสดงในปี พ.ศ. 2534 กับบทบาทนางเอกละครพื้นบ้านเรื่อง "มาลัยทอง"และ"ยอพระกลิ่น" เป็นดาราละครคนแรกที่คุณสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ผู้ที่มีสมญานามว่า "เจ้าแม่ช่อง 7" จับให้กบ สุวนันท์ เซ็นสัญญาเป็นเวลา 7 ปี ซึ่งเป็นที่ฮือฮามากในสมัยนั้น แต่จุดเปลี่ยนของอาชีพนักแสดงของเธอ เกิดขึ้นเมื่อเธอได้รับการติดต่อให้มารับบทนำในละครหลังข่าวเรื่อง "ผยอง (2536) " ประกบคู่กับศรราม เทพพิทักษ์ ซึ่งเป็นพระเอกหนุ่มที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในขณะนั้น แทนวิชชุดา สวนสุวรรณที่ได้เสียชีวิตไปก่อน หน้านี้ หลังจากละครเรื่องนี้ได้แพร่ภาพออกไป ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนทำให้วลี "เหินฟ้า" จากละครเรื่องนี้กลายเป็นวลีติดปาก นอกจากละครเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของสุวนันท์เป็นที่รู้จักมากขึ้นในวง กว้างแล้ว การจับคู่กันของพระ-นางในเรื่องยังถือเป็นจุดกำเนิดคู่ขวัญคู่ใหม่ของวงการ คือ ศรราม-สุวนันท์ ที่ในเวลาต่อมาก็ได้แสดงคู่กันอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นละครเรื่อง "ดาวพระศุกร์ (2537) " และ"สายโลหิต (2538) " ซึ่งล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จในระดับสูงทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวมบทบาท "ดาว" ในละครเรื่อง "ดาวพระศุกร์" ได้เรียกน้ำตาของผู้ชมอย่างล้นหลาม ไม่เพียงแต่ละครเรื่องนี้จะขึ้นทำเนียบละครที่มีเรตติ้งสูงสุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลของไทยเท่านั้น (เรตติ้ง34-36) (เป็นรองเพียงเรื่อง "คู่กรรม (2533) " ที่นำแสดงโดย ธงไชย แมคอินไตย์ และ กมลชนก โกมลฐิติ) และจากความดังของเรื่องนี้ส่งผลให้ สุวนันท์ คงยิ่ง ขึ้นทำเนียบนางเอกยอดนิยมคนใหม่ของประเทศไทยนับแต่นั้นมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในกัมพูชา ได้ลงบทสนทนาตอนหนึ่งของสุวนันท์ในละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งลงในฉบับ ซึ่งมีเนื้อหาหมิ่นเหม่ต่อการดูหมิ่นประเทศกัมพูชา ทำให้ชาวกัมพูชาส่วนหนึ่งไม่พอใจ ก่อเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นในกรุงพนมเปญเมืองหลวงของประเทศ และลุกลามไปถึงขั้นเผาสถานทูตไทยที่นั่น ทำให้ทางรัฐบาลไทยตอบโต้ด้วยการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตลง ส่วนทางสุวนันท์ก็ได้เปิดแถลงข่าวขอโทษด้วยน้ำตา ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดกันล้วนๆ และประเด็นความจริงเกิดจากมือที่สามที่นำชื่อเธอเข้าไปพัวพันกับการเมืองของ ประเทศกัมพูชา
เดือนมกราคม พ.ศ. 2549 สุวนันท์ คงยิ่ง เริ่มต้นบทบาทใหม่ในการเป็นพิธีกรรายการวาไรตี้ ทุกคืนวันจันทร์หลังข่าว ชื่อว่า "จันทร์พันดาว" คู่กับ ณัฐวุฒิ สกิดใจดาราชายชื่อดัง และเป็นหนึ่งในทีมพิธีกรของรายการ 07 โชว์ ทุกเย็นวันอาทิตย์
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552 ได้เข้าพิธีสมรสกับ บรู๊ค ดนุพร ปุณณกันต์ ณ โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอด เซ็นทรัลเวิลด์ ท่ามกลางความยินดีของผู้ใหญ่ในวงการการเมือง ศิลปิน ดาราในวงการบันเทิง สื่อมวลชน และบรรดาแฟนคลับ ที่มากันอย่างคับคั่ง ในปีนี้เธอได้พักงานละครไป เพราะเธออิ่มตัวกับการแสดงละคร อยากพักบ้าง ทำให้ปีนี้ไม่มีผลงานละครของเธอเลย มีแต่งานพิธีกรต่างๆ แต่ถึงกระนั้นกระแสความดังของเธอมิได้ถดถอยลงไป มีแต่คนสนใจเธอมากขึ้น โดยดูได้จากสถิติเว็บไซด์กูเกิ้ล ที่ชื่อของเธอเป็นชื่อที่ถูกค้นหามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของไทย สาขาบันเทิง
ปี 2553 เธอได้ทำธุรกิจของเธอนั่นคือ โรงเรียนสอนการแสดงสุวนัน อคาเดมี่ โดยเธอได้รวบรวมบรรดานักแสดงมืออาชีพมากมายมาเป็นครูสอนในสถาบันการแสดงของ เธอ อาทิ โย ทัศวรรณ,หมู ดิลก,เติ้ล ตะวัน และปีนี้เธอได้กลับมาเล่นละครอีกครั้ง ในละครพีเรียดฟอร์มยักษ์ของค่ายดาราวิดีโอ โดยเป็นการพลิกบทบาทครั้งแรกของเธอ ที่เล่นร้ายเต็มตัว ในละครเรื่อง เรือนซ่อนรัก ในบทของคุณดารารุ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น